เรื่อง "ขี้อาย" จึงไม่ใช่ความแปลกใหม่ของชีวิต แต่เป็นสิ่งที่ใครๆ มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดมากกว่า ซึ่ง ข้อดี ของความขี้อายมันก็มีอ่ะนะ เช่น ทำให้เป็นคนสุภาพเรียบร้อย และทำให้เป็นคนมีมารยาททางสังคม แต่ ข้อเสีย ของการเป็นคนขี้อายก็มีเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเผื่อคุณอยากรู้จักมักจี่ หรือสนิทสนมผสมรักกับใครสักคนขึ้นมา แต่ไม่กล้าแสดงออกให้เค้ารู้ หรือไม่กล้าเข้าไปทักทายโอภาปราศรัยก่อน ก็ทำให้คุณเสียโอกาสที่จะคว้าใครสักคนมาเป็นแฟน... จริงไหมล่ะ ยิ่งเป็นวัยรุ่นด้วยแล้ว ปัญหาที่พบมากและพบบ่อยที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น การไม่กล้าเปิดเผยความในใจให้ "คนที่ตัวเองนึกชอบ" ล่วงรู้ความในใจน่ะสิว่า คุณรู้สึกอย่างไรกะเค้า เพราะชอบก็ไม่กล้าบอกว่าชอบ หรือหลงรักเค้าอยู่...โอ๊ะ เรื่องนี้ ยิ่งไม่กล้าพูด นี่ไม่ใช่แค่อายนะแต่กลัวเค้าไม่รับรัก ก็จะยุ่งอีนุงตุงนัง ทำให้เสียหน้า, เสียฟอร์ม และเสียความมั่นใจในตัวเอง ยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปใหญ่น่ะซี เพราะฉะนั้น มาหาวิธีขจัดความขี้อาย กันเถอะ ว่าแต่...อย่าถึงกับทำให้ความรู้สึกนี้หมดไปซะเลยล่ะ ขอให้เหลือไว้บ้าง ย่อมดีกว่าไม่มีเลยนะจ๊ะ ส่วนจะลดความขี้อายไงดีนะเหรอ ก็ทำแบบนี้ไง...เช่น
1. ถามตัวเองซะก่อนว่า เรานั้นขี้อายตรงไหน แล้วแก้ให้ถูกจุด แบบอายเพราะไม่กล้าสบตาคนอื่น อายเพราะไม่กล้าเดินเข้าไปทักคนอื่นก่อน อายเพราะไม่กล้ายิ้มให้ใคร เพราะกลัวส่งยิ้มแล้วเค้าไม่ยิ้มตอบก็หน้าแตก ถ้ารู้ตัวเองว่าคุณไม่กล้าทำอะไร เห็นทีต้องใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งซะแล้วสิ อย่างถ้าอยากรู้จักใคร ก็ไม่ต้องอ้ำอึ้งทำเป็นไม่กล้าพูดไม่กล้าเข้าไปคุย แต่ควรเดินเข้าไปคุยกับเค้าเลยจ๊ะ ด้วยการแนะนำตัวคุณก่อนก็ดีว่าชื่ออะไร? แล้วค่อยถามเค้ากลับ เรื่องแค่นี้ไม่ควรจะเขินนานนะ การผูกมิตรน่ะง่ายกว่าการสร้างศัตรูซะอีก
2. ฝึกด้วยการเป็นแม่สื่อหรือพ่อสื่อให้ เพื่อนดูก่อนก็ได้ บางคนไม่กล้าไปเสวนาหรือเดินเข้าไปขายขนมจีบใครก่อนหรอก แต่ถ้าให้ช่วยเหลือเพื่อนเพื่อจีบใครล่ะก็ แหมถนัดนักล่ะ งั้นลองสวมบทบาทเป็นแม่สื่อ (หรือพ่อสื่อ) จับคู่เพื่อนที่มีใจให้กัน ให้ได้สักคู่นึงก่อน ด้วยการสังเกตว่า มีเพื่อนคนไหนบ้างที่ "ส่งใจไปหากัน" แต่ทั้งคู่กลับไม่เคยแสดงออกในเรื่องนี้ให้รับรู้กันเลย อ่ะ งั้น...ฟ้าคงส่งให้เป็นหน้าที่ของคุณซะแล้ว ที่จะช่วยให้พวกเค้าสมหวังกันสักที ทำแล้วได้บุญด้วยนะ ไม่เชื่อลองส่งเสริมรักให้เพื่อนซี้ ดูก่อนก็ได้ แล้วจะรู้สึกดีจริงๆ จ้า
3. ถ้าไม่มั่นใจในตัวเอง เห็นทีต้องฝึกท่องในใจซะแล้วว่า คุณทำได้สบายมาก ความขี้อายมักเกิดมาจากความไม่มั่นใจในตัวเอง เช่น ไม่มั่นใจว่าถ้าแสดงพฤติกรรมอย่างงั้นอย่างงี้ออกมาแล้ว คนอื่นจะคิดยังไง? หากเป็นเช่นนี้ คุณควรลดความกลัว ที่ว่าคนอื่นจะคิดกับคุณอย่างไรออกไปบ้าง แล้วมุ่งเน้นความสนใจไปที่ความรู้สึกของคนที่คุณชอบเค้าก็พอ เพราะถ้าขืนคิดถึงคนอื่นมากไป โอกาสที่คุณจะทำอะไรเพื่อตัวเองก็มีน้อยลงเท่านั้น ดังนั้น ลองท่องประโยคที่ว่า คุณทำ...(อะไรก็ได้ที่อยากทำและเชื่อว่าทำแล้วคนที่คุณชอบจะชอบด้วย) ก็ทำเลย ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนเก็บอาการอีกต่อไปแล้ว อย่าลืมสิว่า คุณทำได้!
4. อย่าคิดมาก ถ้าอยากเอาชนะใจคนที่คุณเหล่ไว้ละก็ อย่าตีโพยตีพายคิดมากและคิดเองเออเองขึ้นมาก่อนเชียวว่า สงสัยคุณคงไม่กล้าไปพูดหรือเข้าไปเจรจากะเค้าแหงเลย เพราะถ้าคิดไปก่อนแบบนี้ ไอ้ที่ไม่กล้า ก็ยิ่งไม่กล้าอยู่นั่น ทางที่ดีอย่าคิดอะไรไปในทางร้ายๆ ก่อนแค่นี้พอ แล้วเดี๋ยวความกล้าก็มาเอง
5. หากิจกรรมส่งเสริมความกล้าทำมั่ง เช่น กล้าที่จะไปเสนอรายงานหน้าชั้นเรียน, กล้าที่จะคุยกับคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่เพื่อน, กล้าที่จะทำกิจกรรมของโรงเรียนหรือที่ทำงาน และอื่นๆ อีกเยอะแยะ ที่ช่วยฝึกฝนส่งเสริมให้เกิดความกล้าได้ ดังนั้นจึงอยากชวนให้ลองทำตามตัวอย่างที่ยกมาให้สักอย่าง เชื่อดิ่เดี๋ยวอาการขี้อายของคุณก็จะลดดีกรีลงไปเอง ในขณะที่ความกล้าจะเข้ามาแทนที่ เอ้า...เริ่มกล้าส่งตาหวานไปให้คนที่คุณชอบรึยังเอ่ย?
6. อย่ารุกหนักเกินไป จริงอยู่ที่ใครหากมีความมั่นใจในตัวเอง รับรองเป็นสิ่งที่เลอเลิศประเสริฐศรีดีแน่นอน แต่ความมั่นใจในตัวเองควรอยู่ในระดับพอดิบพอดี (ทางสายกลาง) ไม่น้อยไปและไม่มากจนเว่อร์เหมือนนักร้องบางคนละกันนะ เพราะเวลาที่คุณอยากไปตีซี้กะ "คนที่หมายปอง" ควรค่อยๆ เดินหน้าเข้าหานะคะ ไม่ใช่บุ่มบ่ามส่งสายตาหื่นกระหายไปให้เค้า โอ้ยขืนเป็นอย่างนี้แล้วใครที่ไหนจะอยากคบด้วยล่ะ ไม่โดนคนที่คุณส่งสายตาแทะโลมตบสักเปรี้ยงก็ดีแค่ไหนแล้ว หัดเข้าหาเค้าอย่างสุภาพดีกว่าน่า
7. อย่ากลัวถูกปฏิเสธ หากเป็นนักกีฬา คุณก็คงทำใจไว้ก่อนใช่ไหมว่า โอกาสที่คุณจะชนะหรือแพ้มีเท่าๆ กัน 50-50 ซึ่งก็เหมือนในเกมส์ของความรัก คุณคงไม่เข้าข้างตัวเองว่าคุณจะพิชิตใจ "คนที่หมายปอง" ไปซะทุกคนได้หรอกจริงมั้ย ฉะนั้นถ้ากล้าที่จะเผชิญหน้ากับความรักแล้วละก็ จงระลึกเสมอว่าการที่คุณจะฉอเลาะเข้าไปจีบใครสักคน ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่วิเศษแล้ว แม้ผลลัพธ์ที่ตามมา เค้าจะรับรักคุณหรือไม่ อย่าไปหวั่นใจตรงนี้ให้มาก ถือว่าคุณได้ลองจีบเค้าอย่างดีที่สุดแล้วก็พอ อีกหน่อยอาการมือไม้สั่น ใจเต้นแรง และพูดตะกุกตะกักก็จะหายไปได้เอง ไม่เชื่อก็ลองดูซิคะ
จาก mcot